เมื่อเวลา 02.30 น. วันนี้ (17ม.ย.) เจ้าหน้าที่ป้องกันและ บาคาร่า บรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลฉลอง ได้รับแจ้งว่า มีเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ได้รับความเสียหาย ที่บริเวณซอยสำคัญ บ้านนากก ม5 ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต ขอให้เดินทางไปช่วยดับเพลิงด้วย หลังจากรับแจ้ง จึงรายงานให้ นายสำราญ จินดาพล นายกเทศมนตรีตำบลฉลอง ทราบ ก่อนเดินทางไป พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและรถดับเพลิง จำนวน 2 คัน นายศุภวัฒกัณฐ์ คุณลักษณ์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลฉลอง และประสาน ร.ต.ท.ศักรินทร์ เเสงเจริญ รองสว(สอบสวน)สภ.ฉลอง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ฉลอง
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณภายในซอยสำคัญ บ้านนากก ที่ข้างบ้านหลังหนึ่งเห็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อ มิตซูบิชิ มิราจ สีดำ หมายเลขทะเบียนกอ 2994 ภูเก็ต
เห็นไฟกำลังรุกไหม้อย่างรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่ฯได้ฉีดน้ำสกัดเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลามไปติดบ้านข้างเคียง โดยใช้เวลากล่าว 20 นาทีจึงสามารถควบเพลิงได้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้น รถยนต์คันดังกล่าว สภาพถูกเพลิงถูกเผาวอดเกือบทั้งคันมูลค่าความเสียหายไม่ตำ่กว่า 300,000 บาท
จากการสอบถาม เพื่อนบ้าน กล่าวว่า เมื่อเวลา 02.00 น. วันนี้ ตนได้ยินเสียงดังเหมือนหม้อเเปลงไฟฟ้าระเบิดตนจึงได้ลุกขึ้นจากที่นอนมาดูพบเพลิงกำลังลุกไหม้รถยนต์คันดังกล่าว จากนั้นได้เรียกชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงช่วยกันนำน้ำมาดับและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลตำบลฉลองมาช่วยดับในที่สุด
ขณะที่ นางศรี (นามสมมุติ ) อายุ 48 ปี ชาวจ. ร้อยเอ็ด เจ้าของรถคันดังกล่าว กล่าวว่า ตนเอง คบหากับนายเหลา อายุ 51 ปีและอยู่กินกันมาประมาณ 2 ปี โดยนายเหลา อดีตแฟน มีพฤติกรรมชอบหึงหวงและห้ามให้ใครมานั่งรถ ถึงขั้นมีการขู่จะฆ่าให้ตายและเคยมีเหตุการณ์ที่นายเหลาลวงให้ตนขับรถพาไปในสถานที่เปลี่ยว ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายตนเอง แต่ตนเองหลบหนีมาได้และตัดสินใจแยกทางเมื่อต้นเดือนมิ.ย.62 แต่อดีตแฟนก็ยังมาข่มขู่อยู่ตลอดเวลา และตนคิดว่า สาเหตุของเพลิงไหม้รถยนต์น่าจะเกิดจากการวางเพลิงของอดีตแฟนที่ก่อเหตุในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ชุดสืบสวนสภ.ฉลองเร่งติดตามอดีตแฟนมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ลมพัดแรง หอบหลังคาบ้านชาวบ้าน เสียหาย 2 หลัง
เวลา 16.00 น.วันที่ 16 มิถุนายน 61 นางรุจิรา บุญทิพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบความเสียหายบ้านของนายชวน รอดสวัสดิ์ อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 513 และบ้านของนางบุญยัง ประสบ อายุ 77 ปี บ้านเลขที่ 445 หมู่ที่ 1 ตำบลเขาคราม เนื่องจากได้รับความเสียหายจากลมพัดแรง ส่งผลให้กระเบื้องตกแตกจำนวนมาก เพื่อที่จะได้หาทางดำเนินการให้การช่วยเหลือ เป็นการเร่งด่วน
นายชวน รอดสวัสดิ์ ซึ่งบ้านถูกลมพัดหลังคาตกแตกเสียหายกว่า 30 แผ่น เล่าด้วยความระทึกว่า ขณะเกิดเหตุอาศัยอยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว ได้มีลมพัดมาแรงมาก พร้อมกับฝนตกหนัก ได้หอบหลังคาบ้านของตนปลิวตกแตกเสียงดังครึกโครม ด้วยความตกใจ ตนจึงได้วิ่งออกจากบ้านด้วยความกลัว ไปหลบอยู่กลางแจ้งข้างบ้าน โดยลมได้พัดแรงอยู่นานประมาณ 5 นาที เมื่อลมสงบ ก็ได้กลับมาสำรวจภายในบ้าน พบกระเบื้องถูกลมพัดตกแตกเสียหายกว่า 30 แผ่น ข้าของภายในบ้านถูกน้ำฝนได้รับความเสียหาย
ทางด้าน นางรุจิรา บุญทิพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 กล่าวว่า ในหมู่บ้านมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากลมพายุดพัดแรงเบื้องต้น จำนวน 2 หลัง อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร โดยจากการตรวจสอบพบว่าบ้านของนาย ถูกลมพัดแรงทำให้กระเบื้องตกแตก กว่า 30 แผ่น ส่วนบ้านของยายบุญยัง กระเบื้องได้รับความเสียหายกว่า 10 แผ่น เนื่องจากถูกพัดและกิ่งไม้ตกใส่ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นได้ให้เจ้าของบ้านย้ายไปอยู่บ้านญาติชั่วคราวพร้อมแจ้งให้ทางอำเภอเมืองกระบี่ทราบและเร่งซ่อมแซมบ้านโดยเร็วต่อไป
ผบ.เรือนจำกระบี่ แจง ไม่เคยสั่งขังซ้ำซ้อนนักโทษหญิง 16 คน แค่เปลี่ยนหน้าที่ให้ทำ จากกรณีได้มีญาติของนักโทษเรือนจำจังหวัดกระบี่ ประมาณกว่า 10 คน ได้เข้าร้องเรียนกับนายสมปอง รัตนะ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกระบี่ เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ญาตินักโทษหญิง จำนวน 16 คน ที่ถูกทำโทษโดยการคุมขังซ้ำซ้อนอยู่ในเรือนจำจังหวัดกระบี่ สาเหตุแค่เพียงจำหน่ายสินค้าภายในเรือนจำขาดทุน
เบื้องต้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด นางยิ่งภิณโญ โมราพันธ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่ ได้เปิดเผยว่า การร้องเรียนที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดกันระหว่างญาติของผู้ต้องขัง หญิง ทั้ง 16 คน ซึ่งตนไม่ได้สั่งขังซ้ำซ้อน
แต่เป็นการเปลี่ยนหน้าที่ทำเท่านั้น จากงานด้านสวัสดิการก็ไปอยู่งานด้านฝึกวิชาชีพ ซึ่งเป็นการสับเปลี่ยนหน้าที่กับผู้ต้องขังรายอื่นๆเผื่อว่าเมื่อผู้ต้องขังพ้นโทษไปแล้วก็จะได้มีวิชาชีพติดตัวออกไป
ผบ.เรือนจำจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่ตนเปลี่ยนหน้าที่ของผู้ต้องทั้ง 16 คนไปอยู่งานฝึกอาชีพ ซึ่งต้องทำอยู่แต่ภายในห้อง ก็ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าตนกลั่นแกล้งผู้ต้องขัง และสั่งขังซ้ำซ้อน ซึ่งตนไม่เคยมีแนวคิดดังกล่าว และพยายามที่จะทำให้ผู้ต้องขังทุกคนภายในเรือนจำมีคุณภาพชีวิตที่ดี ถึงแม้ว่าจะอยู่ในห้องขัง เบื้องต้นตนก็ได้ชี้แจงให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และผู้บังคับบัญชารับทราบเรื่องแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังจากที่ผู้บัญชาการเรือนจำให้สัมภาษณ์ เสร็จก็ได้นำผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในเรือนจำ เป็นสถานกักขังหญิง พบว่านักโทษหญิงอยู่กันอย่างแออัด มีพื้นที่กว้างประมาณ 17.2 ตารางเมตร ยาว 39 เมตร อาคารเรือนนอนชั้นเดียว 4 ห้อง และมีการแบ่งพื้นที่ สถานที่ปรุงอาหาร และฝึกวิชาชีพ ส่งผลทำให้สถานที่คับแคบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีจำนวนผู้ต้อง กว่า 300 คน เกินพื้นที่รับได้ เพียง 100 คน เท่านั้น บาคาร่า